top of page
ค้นหา

เหตุใดสายพันธุ์จึงสำคัญ

กัญชาต่างสายพันธุ์ให้ฤทธิ์ทางยาที่แตกต่างกัน ทั้งนี้เนื่องจากความหลากหลายของสารเคมีที่แต่ละสายพันธุ์ผลิตขึ้น ฤทธิ์ทางยาอาจแตกต่างกันอย่างมากระหว่างสายพันธุ์กัญชาจนทำให้แต่ละสายพันธุ์มีศักยภาพในการเป็นยาต่างชนิดกันได้ กัญชาบางสายพันธุ์ผลิต THC ขณะที่บางสายพันธุ์ผลิต CBD และบางสายพันธุ์ผลิตสายแคนนาบินอยด์ทั้งสองชนิดในปริมาณเกือบจะเท่าๆกัน ความแตกต่างของปริมาณสารเทอร์ปีนก็เป็นตัวปรับฤทธิ์ทางยาของสายพันธุ์กัญชาเมื่อสูดดมเช่นกัน


เมื่ออังกฤษส่งคนงานสัญญาจ้างจากอินเดียไปยังจาเมกาในช่วงทศวรรษ 1830 เป็นไปได้ว่าคนงานเหล่านี้จะนำกัญชาสายพันธุ์ THC ชนิดใบเรียวเข้าไปสู่ซีกโลกตะวันตก อย่างไรก็ตาม การแพร่กระจายของสายพันธุ์กัญชาในตะวันตกเกิดขึ้นหลักจากที่การขยายพันธุ์ต้นกัญชาแพร่หลายมากขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 ในปี 2009 มีการระบุเอกลักษณ์ของสายพันธุ์ที่อุดมด้วย CBD ในสหรัฐอเมริกา และประโยชน์ของกัญชาสายพันธุ์ CBD เหล่านี้ได้จุดประกายให้เกิดการปฏิวัติการขยายพันธุ์กัญชาทางการแพทย์รูปแบบใหม่


จากผลสำรวจใน google แสดงให้เห็นว่ามีสายพันธุ์เกิดขึ้นใหม่ทุกวันและมีการแข่งขันทางด้านฤทธิ์และศักยภาพทางยามากขึ้นทุกวัน

เกมการตั้งชื่อและการระบุเอกลักษณ์ให้สายพันธุ์


เมื่อหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ ในซานฟรานซิสโก เดนเวอร์ หรือลอสแอนเจลิส ขึ้นมา แล้วคุณจะเห็นโฆษณาสำหรับ เรนโบว์ กัมมีซ์ (Rainbow Gummeez), กอริลลา กลู นัมเบอร์โฟร์ (Gorilla Glue #4), ก็อดฟาเธอร์ กูช (Godfather Kush) และอื่นๆอีกมากมาย มีสายพันธุ์กัญชาทางการแพทย์นับร้อยๆ สายพันธุ์ที่วางขายอยู่หน้าร้านขายยา และมีบริการจัดส่งไปทั่วทั้งรัฐ คนทั่วไปมองดูสิ่งนี้แล้วคิดว่า "กัญชาได้ชื่อพวกนี้มาอย่างไรกันนะ" คำตอบก็คือเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นมา ก็เหมือนกับที่บางคนตั้งชื่อ "Google" นั่นเอง


คำถามที่สำคัญกว่าเกี่ยวกับสายพันธุ์กัญชาทางการแพทย์ก็คือ "ถ้าชื่อพวกนี้เป็นชื่อที่แต่งขึ้น แล้วอะไรคือความแตกต่างทางเคมีของกัญชาที่บริษัทเหล่านี้นำมากล่าวอ้างในการขาย" ข้อเท็จจริงของประเด็นก็คือ ไม่มีใครที่รู้จริง แม้แต่คนขายเองก็ตาม


ในปี 2013 มีการผ่านกฎหมายเพื่อควบคุมกัญชาทางการแพทย์ในรัฐคอนเนตทิคัตและกำหนดให้ผลิตภัณฑ์ต้องมีชื่อแบรนด์ ด้วยเหตุนี้ แต่ละชุดการผลิตของผลิตภัณฑ์ชุดแรกที่ขึ้นทะเบียนไว้กับรัฐ หากพบว่าข้อมูลนี้ขาดหายไปหรือไม่ครบถ้วนในชุดใดชุดหนึ่ง ชุดการผลิตนั้นจะหมดสิทธิ์ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์นั้นๆ


อาจมีการตรวจทั้งลายพิมพ์ทางเคมีและลายพิมพ์ทางพันธุกรรมของสายพันธุ์กัญชา เพื่อจำแนกแต่ละสายพันธุ์ด้วยความแม่นยำ กัญชาแต่ละสายพันธุ์จะมียีนที่บ่งบอกการแสดงออกทางด้านควบคุมโดยการแสดงออกของยีน ลายพิมพ์ทางเคมีเป็นตัวกำหนดช่วงปกติของสารเทอร์ปินอยด์และสารแคนนาบินอยด์ที่ผลิตขึ้นโดยลักษณะเฉพาะที่ปรากฏของกัญชาสายพันธุ์หนึ่ง ตัวอย่างเช่น ลักษณะที่ปรากฏลักษณะหนึ่งของผลโอจี กูช (OG Kush) การเก็บเกี่ยวหลายสิบครั้งเมื่อปลูกภายใต้สภาวะที่คงที่คือจะผลิต THCA 23 เปอร์เซ็นต์ CBGA 1 เปอร์เซ็นต์ เมอร์ซีน 0.49 เปอร์เซ็นต์ ลิโมนีน 0.4 เปอร์เซ็นต์ และเบต้า-แคริโอฟิลลีน 0.38 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขเหล่านี้ประกอบขึ้นเป็นลายพิมพ์ทางเคมีของสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมของโอจี กูช นั้นเอง ลายพิมพ์ทางพันธุกรรมของโอจี กูชชุดเดียวกันนี้อาจไปอยู่ในชุดสายโซ่การเข้ารหัสที่สร้างขึ้นโดย เมดิซินอล จีโนมิกส์ (Medicinal Genomics) ในรัฐแมสซาชูเซตส์เพื่อประทับเวลาเป็นหลักฐานยืนยันการมีอยู่ของพันธุกรรมนี้


ความแตกต่างของดอกของแต่ละสายพันธุ์

การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับความสามารถในการผลิตสารทางเภสัชกรรมที่น่าสนใจของสายพันธุ์กัญชา จำเป็นต้องมีลายพิมพ์ประเภทนี้เพื่อช่วยในการทำความเข้าใจว่ากัญชาแต่ละสายพันธุ์สามารถผลิตอะไรได้บ้าง มีการใช้ความรู้ความเข้าใจและความแม่นยำเช่นนีกับสมุนไพร เครื่องเทศ และผลิตผลทุกชนิดในท้องตลาดอยู่แล้ว ในไม่ช้าก็จะแพร่หลายในแวดวงกัญชาเช่นกัน โดย Kannapedia : The Distributed Consensus on Cannabis Genetics ที่ Medicinal Gemomics จัดทำขึ้นจะทำหน้าที่เป็นแผนที่สายวิวัฒนาการที่บ่งบอกความเกี่ยวโยงระหว่างกันที่พบได้ในสายพันธุ์รุ่นเดียวกัน และเมื่อกรอกแผนที่นั้นครบเกมทายลักษณะกัญชาทางการแพทย์อันยิ่งใหญ่อย่างน้อยหนึ่งส่วนก็จะสิ้นสุดลง


ความลึกลับที่ใหญ่ที่สุดของกัญชาสมัยใหม่คือเหตุใดกัญชาสายพันธุ์ต่างๆ จึงให้ฤทธิ์ทางยาหรือออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทต่างกัน แม้ว่าฤทธิ์ดังกล่าวนี้จะได้รับอิทธิพลอย่างมากจากอัตราส่วนของสารแคนนาบินอยด์และสารเทอร์ปินอยด์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละสายพันธุ์ แต่ผลจากการทำปฏิกิริยาของสารเทอร์ปินอยด์และสารแคนนาบินอยด์เหล่านี้มีความซับซ้อนกันมากและยังไม่เป็นที่เข้าใจทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ด้วยวิธีการที่เกิดขึ้นใหม่อย่างการวิเคราะห์หาองค์ประกอบหลักของการแสดงออกของสารแคนนาบินอยด์และสารเทอร์ปินอยด์ในกัญชา จะเป็นการโยงจุดเพิ่มขึ้นอีกสองสามจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อมูลนี้ซ้อนทับกับข้อมูลพันธุกรรมของ Kannapedia


สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ Kannapedia ได้ที่...






จากสายพันธุ์พื้นเมืองและการปรับตัวสู่การขยายพันธุ์ยุคใหม่


มีกัญชาหลายสายพันธุ์ ตั้งแต่เกาหลีถึงแม็กซิโก และตั้งแต่อุรุกวัยถึงมาลาวี ทั่วทั้งรัสเซีย คาซัคสถาน เนปาล กัญชามีอยู่ทุกหนแห่ง และทุกที่ก็มีสายพันธุ์แตกต่างกันไป ซึ่งปรับไปตามความเฉพาะของแต่ละสถานที่ แต่ละสายพันธุ์เรียกว่าพันธุ์พื้นเมือง ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกต้นกัญชาสายพันธุ์ท้องถิ่น และจากสายพันธุ์พื้นเมืองเหล่านี้นี่เองที่ผสมพันธุ์มาเป็นสายพันธุ์กัญชาทางการแพทย์สมัยใหม่ มีบางกรณีที่พันธุ์พื้นเมืองไม่ได้มีการผสมกับสายพันธุ์อื่น เช่น มาลาวี โกลด์ (Malawi Gold) สำหรับสายพันธุ์พิเศษนี้ ต้นกัญชายังคงมีลักษณะเช่นเดิมดังที่พบใกล้หมู่บ้านริมทะเลสายมาลาวีในแอฟริกา


ในช่วงทศวรรษ 1960 เมื่อมีการใช้กัญชาอย่างผิดกฎหมายเพิ่มมากขึ้นในประเทศฝั่งตะวันตก นักเดินทางฮิปปี้ท่องเที่ยวไปในภูมิภาคต่างๆ ของโลก ยังที่ที่จะพบกัญชาสายพันธุ์พื้นเมืองได้ เม็กซิโก จาเมกา โคบัมเบีย โมร็อกโก แอฟริกาใต้ เลบานอน ตุรกี อัฟกานิสถาน ปากีสถาน เนปาล อินเดีย และไทย ต่างก็มีสายพันธุ์พื้นเมืองที่ถูกนำกลับมาเพื่อสร้างคลังพันธุกรรมที่ผสมพันธุ์กันขึ้นเป็นกัญชายุคใหม่ "การสำรวจทางชีวภาพ" ที่ผิดกฎหมาย หรือการค้นหาพืชสายพันธุ์ท้องถิ่นที่มีคุณค่าทางยานี้ เป็นสิ่งต้องห้ามในหลายๆ ประเทศในทุกวันนี้ เนื่องจากขณะนี้พืชพันธุ์พื้นเมืองถือว่าเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ประจำชาติ


สายพันธุ์กัญชาทางการแพทย์ส่วนใหญ่ที่ใช้กันในทุกวันนี้เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อให้ได้สายพันธุ์ใหม่ แน่นอนว่าสายพันธุ์เหล่านี้ต่างสืบเชื้อสายมาจากพันธุ์พื้นเมือง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีความคล้ายกับบรรพบุรุษเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สายพันธุ์ใหม่เหล่านี้ถูกคัดเลือกและผสมพันธุ์เพื่อสิ่งเดียวนั่นคือความสามารถในการผลิต THC และแม้ว่าจะเป็นการทำให้เกิดบางสายพันธุ์เพื่อสิ่งเดียวนั่นคือความสามารถในการผลิต THC และแม้ว่าจะเป็นการทำให้เกิดบางสายพันธุ์ที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทมากเป็นพิเศษ แต่ก็ส่งผลให้กัญชามีเชื้อสายที่ใกล้เคียงกันมาก ต้นกัญชาจากทั่วโลกแสดงความหลากหลายทางธรรมชาติบางประการที่มีเสน่ห์มากขณะที่กัญชาทางการแพทย์ยุคใหม่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองน้อยมาก และค่อนข้างจะเหมือนกันเป็นส่วนมาก กล่าวโดยนัยคือสายพันธุ์เหล่านี้เป็นสายพันธุ์ที่ตัดออกมาจากผ้าผืนเดียวกันเสมอ


สมัยนี้มีหนังสือเกี่ยวกับสายพันธุ์กัญชาผลิตออกมาให้ได้ค้นคว้าและอ่านอีกมากมาย นี่เป็นหนึ่งในหนังสือที่เราหยิบมาแนะนำ เกี่ยวกับการเจาะลึกสายพันธุ์กัญชา รวบรวม 100 สายพันธุ์เด่นและดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในด้านทางการแพทย์ หรือสันทนาการ


นอกจากจะมีรูปภาพของสายพันธุ์ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในหนังสือแล้ว ยังมีรายละเอียดข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสายพันธุ์นั้นๆอีกด้วย...

มีทั้งข้อมูลค่าของสายพันธุ์ หรือ Strain Ratio (Sativa : Indica) / ปริมาณของสาร THC และ CBD / ผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ / สามารถรักษาในด้านของโรค...และข้อมูลอื่นๆอีกมากมายที่สามารถพบได้ในหนังสือเล่มนี้








 

การบุกเบิกที่ฮอร์ทา ฟาร์ม (Hortapharm)


ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 Hortapharm บริษัทสัญชาติดัตซ์ซึ่งก่อตั้งโดย เดวิด วัตสัน (David Watson) และโรเบิร์ต คอนแนลล์ คลาร์ก (Robert Connell Clarke) ได้เริ่มศึกษาคุณสมบัติทางเคมีของกัญชา โดยดูที่สายพันธุ์ที่ให้ประโยชน์ทางยาได้เป็นพิเศษ ผู้ก่อตั้ง Hortapharm ได้เก็บรวบรวมพันธุ์พื้นเมืองขณะที่เดินทางท่องเที่ยวรอบโลก ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์ที่ผลิตสารแคนนาบินอยด์หายากอย่าง THCV ต่อมา GW Pharmaceuticals ได้สิทธิ์เข้าถึงคลังพันธุกรรมกัญชาของ Hortapharm และได้พัฒนาสายพันธุ์กัญชาทางการแพทย์รุ่นใหม่ขึ้นภายใต้คำแนะนำของ เอเทียน เดอ มีเย (Etienne De Meijer) ปัจจุบัน GW มาอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของความพยายามในการเพาะพันธุ์กัญชา ทว่าการแข่งขันกำลังจะเกิดขึ้นในช่วงห้าปีที่ผ่านมา นักพฤกษศาสตร์และนักเคมีได้ทำงานอย่างเงียบๆ กับพันธุกรรมแคลิฟอร์เนีย ผลของความพยายามเหล่านั้นเริ่มที่จะชนะการแข่งขัน ดังที่หลายสายพันธุ์ทำได้ในเอนเมอรอล์ด คัพ (Emerald Cup) ปี 2016 ซึ่งเป็นการแข่งขันเกี่ยวกับกัญชาที่ยากที่สุดในโลก


 

การห้ามใช้กัญชาเป็นการยืนยันว่า เราจะมีความรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบหรือต้นตระกูลของสายพันธุ์ก่อนปี 1965 หลายสายพันธุ์น้อยมาก และสิ่งที่เรารู้มักจะยืนยันแทบไม่ได้ เพราะมีอัตตาและความทรงจำผิดๆ มากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง และความหยิ่งทะนงก็มีส่วน อย่างสายพันธุ์ในตำนานแห่งซานตาครูซที่ชื่อ เฮซ (Haze) ซึ่งเป็นสายพันธุ์พื้นฐานในการขยายพันธุ์กัญชายุคใหม่ที่ถูกนำมาใช้ เพื่อผสมเป็นสายพันธุ์กัญชานับร้อยนับพันสายพันธุ์ เดวิท พอล วัตสัน (David Paul Watson) หรือที่รู้จักกันในชื่อ แซม เดอะ สกังค์แมน (Sam the Skunkman) หรือในชื่อจิงเกอร์ส (Jingles) นำเฮชมายังเนเธอร์แลนด์ในช่วงทศวรรษ 1980 และคำกล่าวอ้างนี้ได้รับรองอย่างมาก เรื่องราวจริงๆ ของเฮชที่เป็นรากฐานของการขยายพันธุ์กัญชายุคใหม่นี้ยังคงคลุมเครือ บางคนเชื่อว่าเฮชเกิดขึ้นจากโชคมากกว่าทักษะ บางคนก็ไม่เห็นด้วยเพราะผลลัพธ์ที่ได้นั้นยอดเยี่ยมมากเหลือเกิน หลักฐานที่เหลืออยู่เพียงอย่างเดียวของโครงการเฮชคือโปสเตอร์ที่พิมพ์ขึ้นในซานตาครูชในปี 1976 ที่พูดถึงเคล็ดลับการปลูกที่ปฏิบัติกันในการผลิตเฮชการแยกแยะความจริงออกจากตำนานจึงเป็นไปไม่ได้


เมื่อพูดถึงพันธุกรรมของสายพันธุ์หนึ่ง เราแทบไม่รู้ว่าสายพันธุ์นั้นเกิดมาจากสายพันธุ์พื้นเมืองหรือจากพันธุ์ผสม หรือสายพันธุ์ที่ว่ามีอะไรที่มากกว่าสายพันธุ์เลือดชิดอันยุ่งเหยิงที่มี THC สูงมากๆ การทดสอบทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้เริ่มเปิดเผยปริศนาว่ากัญชาสร้างสารประกอบขึ้นมาอย่างไร และยีนใดที่ควบคุมกระบวนการนั้น ในไม่ช้าเราจะสามารถเพาะพันธุ์กัญชาที่เหมาะกับรสนิยมและความต้องการยาของเราได้อย่างสมบูรณ์แบบ ความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นอยู่ทุกวันนี้จะจางหายไป และจากพันธุ์พื้นเมืองที่เหลืออยู่กับสายพันธุ์ที่มีคุณภาพสูง เราจะสร้างกัญชาางการแพทย์รุ่นใหม่กัน นักเพาะพันธุ์ต้องทำงานหนักมาเป็นเวลาหลายสิบปี เพื่อพยายามปรับปรุงความสามารถของต้นกัญชาในผลิตยาให้ดีขึ้น ตามมาซึ่งความพยายามที่ประสบความสำเร็จที่สุดในบางเรื่อง


สำหรับใครที่สนใจอยากอ่านเรื่องราวของ GW Pharmaceuticals ต่อกดที่รูปได้เลย...


 

ประเภทของกัญชาและสารเทอร์ปีน


ในการอธิบายถึงสายพันธุ์กัญชาในเรื่องต่อๆไป "ประเภท 1, 2 หรือ 3" บ่งบอกถึงสารแคนนาบินอยด์หลักที่มีอยู่ในสายพันธุ์นั้น ประเภท 1 คือมี THC มากที่สุด และประเภท 2 ผลิต THC และ CBD ในปริมาณมาก ส่วนประเภท 3 ผลิต CBD เป็นหลัก สายพันธุ์ประเภท 4 จะผลิตโพรพิลแคนนาบินอยด์อย่าง THCV หรือ CBDV ในปริมาณมาก หัวข้อของแต่ละสายพันธุ์แสดงถึงชนิดของสายพันธุ์ และยังมีชื่อย่อของสารเทอร์ปีนตัวที่มีอยู่ในปริมาณสูงสุด (เช่น MYR = เมอร์ซีน) ตามด้วยตัวที่มีมากเป็นอันดับสองและสาม (เช่น lim = ลิโมนีน, pin = ไพนีน, oci = โอซิมีน)


 

การเลือกสายพันธุ์กัญชาทางการแพทย์


ข้อบ่งชี้ทั่วไปในการแยกระหว่าง indica กับ sativa ที่ใช้กันในร้านขายกัญชาแทบจะไม่ประเมินอะไรที่นอกเหนือจากฤทธิ์ทางยาขั้นพื้นฐานที่สุด โดยทั่วไปแล้ว indica ใช้เพื่อธิบายถึงสายพันธุ์ใบกว้างที่ผลิตสารเทอร์ปีน เช่น เมอร์ซีนและลินาโลออล มีฤทธิ์กล่อมประสาทมากกว่า สายพันธุ์เหล่านี้มีฤทธิ์ "มึนเมา" ที่ทำให้เซื่องซึมมากขึ้นเมื่อสูดดม ส่วน sativa เป็นลักษณะของสายพันธุ์ใบเรียวที่ผลิตสารเทอร์ปีน เช่น เทอร์ปิโนลีน แคริโอฟิลลีน และไพนีน ซึ่งกระตุ้นความรู้สึก และให้ฤทธิ์ "เคลิ้มฝัน" มากขึ้นเมื่อสูดดม การเลือกสายพันธุ์กัญชาทางการแพทย์ที่เหมาะสมนั้น จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพันธุกรรมและคุณสมบัติทางเคมีพื้นฐานของสายพันธุ์นั้นๆมากกว่าที่จะเรียกแบบง่ายๆว่า indica และ sativa


พื้นฐานของคุณสมบัติทางเคมีของกัญชาแสดงออกมาเป็นรูปลักษณ์และกลิ่นของสายพันธุ์นั้นๆ น่าประหลาดใจว่ากลิ่นบางกลิ่นที่กัญชาสร้างขึ้นเป็นตัวบ่งชี้ถึงฤทธิ์ของสายพันธุ์ที่เชื่อถือได้ กลิ่นไม้สนเป็นกลิ่นที่บ่งบอกถึงฤทธิ์การกระตุ้นความรู้สึก กลิ่นลาเวนเดอร์หรือกลิ่นองุ่นมักจะเชื่อมโยงกับสายพันธุ์ที่กดประสาท เรียนรู้วิธีจับคู่กลิ่นกัญชากับฤทธิ์ของกัญชา แล้วคุณจะรู้จักกัญชาได้ในเวลาอันรวดเร็ว หาแหล่งยาของคุณที่ให้ความสนใจกับกัญชาของตน และมองหาโครงสร้างรวมทั้งคุณสมบัติทางเคมีของกัญชาที่มีแบบแผนซ้ำๆ และด้วยความช่วยเหลือของเครื่องมือในห้องปฏิบัติการกันแบบแผนท่ีมีอยู่ คุณจะได้พบกับสายพันธุ์ยาที่ให้ผลดีที่สุดตรงตามความต้องการของคุณ แบบแผนและข้อสังเกตต่อไปนี้จะช่วยคุณพิจารณาหาสายพันธุ์ที่เหมาะกับการรักษาที่แพทย์แนะนำมากที่สุด


 
เนื้อหาอ้างอิงจาก : หนังสือ “กัญชาทางการแพทย์” เขียนโดย ไมเคิล แบกเกส (คำนิยมโดย นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี) เรื่อง เหตุในสายพันธุ์จึงสำคัญ (หน้าที่ 148 - 153)

รูปภาพอ้างอิงจาก :
1. รูป cap screen จากผลสำรวจใน google ทั่วไป

ดู 85 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page