top of page
Image by Jeff W

กัญชา กัญชง

กัญชา (ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cannabis Indica (Cannabis Sativa forma indica)

เป็นชื่อของพืชล้มลุกชนิดหนึ่ง ในวงศ์ Cannabaceae ใบมนแฉกลึกเข้าไปทางก้านหลายแฉก ดอกสีเขียว ช่อดอกเพศผู้และช่อดอกเพศเมียอยู่ต่างต้นกัน ใบและช่อดอกเพศเมียที่แห้งใช้สูบมีสรรพคุณทำให้มึนเมา เปลือกลำต้นใช้ทำเชือกป่านและทอผ้า

(ข้อมูลจาก : วิกิพีเดีย)

ลักษณะ

            ต้นกัญชามีลักษณะทั่วไป คือ ลำต้นสูงประมาณ 2-5 เมตร ใบเลี้ยงคู่เมื่อโตเต็มวัยลำต้นสูงประมาณ 2-4 ฟุต ลักษณะใบจะแยกออกเป็นแฉกประมาณ 5-8 แฉก มีลักษณะคล้ายใบมันสำปะหลังที่ขอบใบทุกใบจะมีรอยหยักอยู่เป็นระยะๆ ออกดอกเป็นช่อเล็กๆ ตามง่ามของกิ่งและก้านส่วนที่คนนำมาเสพได้แก่ของยอดช่อดอกกัญชา โดยนำมาตากหรืออบแห้ง แล้วบดหรือหั่นให้เป็นผงหยาบๆ จากนั้นจึงนำมายัดไส้บุหรี่สูบ (แตกต่างจากบุหรี่ทั่วไปที่ไส้บุหรี่จะมีสีน้ำตาล ต่างจากไส้ยาสูบที่มีสีน้ำตาลและขณะจุดสูบจะมีกลิ่นเหมือนหญ้าแห้งไหม้ไฟ) หรืออาจสูบด้วยบ้องกัญชา บ้างก็ใช้เคี้ยวหรือผสมลงในอาหารรับประทาน ปัจจุบันรูปแบบของกัญชาที่พบ นอกจากจะพบในลักษณะของกัญชาสด กัญชาแห้งอัดแท่งที่เป็นก้อนแล้ว ยังอาจพบในรูปของ "น้ำมันกัญชา" (Hashish Oil) ซึ่งมีลักษณะเป็นของเหลวสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ซึ่งได้จากการนำกัญชามาผ่านกระบวนการสกัดหลายๆ ครั้ง

จึงได้เป็นน้ำมันกัญชาที่มีปริมาณสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทสูงถึง 20-60% หรืออาจพบในลักษณะของ "ยางกัญชา" (Hashish) เป็นยางแห้งที่ได้ยอดช่อดอกกัญชา ซึ่งโดยทั่วไปจะมีฤทธิ์แรงกว่ากัญชาสด และมีปริมาณสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท

ประมาณ 4-8%

(ข้อมูลจาก : วิกิพีเดีย)

Image by Gio Bartlett

กัญชง (Hemp)

          เป็นพืชในวงศ์ Cannabaceae มีแหล่งกำเนิดในเอเซียกลางและแพร่กระจายไปสู่เอเซียตะวันออก อินเดีย และในทวีปยุโรป มีลำต้นสูง หนา แข็งแรง ความสูงเมื่อเติมโตเต็มที่ประมาณ 6 เมตร ระยะเวลาการเก็บเกี่ยว 3-4 เดือน

          ต้นกัญชง เป็นพืชให้ใยธรรมชาติที่มีความทนทาน วัตถุประสงค์ในการใช้ประโยชน์ระหว่างกัญชากับกัญชงก็ต่างกันมาก นับตั้งแต่มนุษย์รู้จักการใช้พืชตระกูลนี้มาตั้งแต่โบราณ มีบันทึกประวัติศาสตร์ถึงการใช้ประโยชน์กัญชงมากกว่ากัญชา ในยุคล่าอาณานิคม นักเดินเรือจะนำใยกัญชงมาทำเป็นเชือกและผ้าใบเรือซึ่งมีความทนทานมาก ในประเทศจีน ยุคราชวงศ์โจว

(ประมาณ 1,000 ปี ก่อนคริสตศักราช) ใช้เส้นใยกัญชงทอเป็นเครื่องนุ่มห่มส่วนเมล็ดกัญชงก็พบว่าเป็นธัญพืชที่รับประทานกันทั่วโลกมานานหลายพันปีแล้ว

กัญชา (Cannabis)

          กัญชา (ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cannabis Indica / Cannabis Sativa forma indica), ภาษาจีนเรียกว่า "ต้า-หม่า"【大麻】, ภาษาสันสกฤต เรียกว่า "กัญชา" หรือ "คญฺชา", ภาษาฮินดีเรียกว่า "คำชา" ในภาษาไทยเรียกว่า "ปุ๊น" หรือ "เนื้อ" เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งในวงศ์ Cannabaceae มีใบมนแฉกลึกเข้าไปทางก้านหลายแฉก ดอกสีเขียว ช่อดอกเพศผู้และช่อดอกเพศเมียอยู่ต่างต้นกัน ใบและช่อดอกเพศเมียที่แห้งใช้สูบมีสรรพคุณทำให้มึนเมา เปลือกลำต้นใช้ทำเชือกป่านและทอผ้า

 

          มีทั้งหมด 3 สายพันธุ์ที่พบบ่อย ได้แก่ สายพันธุ์ซาติวา (Cannabis sativa), สายพันธุ์อินดิกา (Cannabis indica) และ

สายพันธุ์รูเดอราลิส (Cannabis ruderalis) ส่วนคำว่ามาลีฮวนน่า (Marijuana) เป็นคำแสลงที่ใช้ส่วนดอกของต้นกัญชานำมาสูบ

ลักษณะของต้นกัญชาในรูปแบบต่างๆ

Cannabis-vernacular-taxonomy-image-adapted-from-Anderson-71-courtesy-of-the-Harvard.png
รูเดอราริส
ซาติวา
อินดิกา

ซาติวา (Cannabis Sativa)

            ซาติวา เป็นภาษาละติน แปลว่า เพาะปลูก ตั้งโดย คาโรรัส ลินเนียส Carolus Linnæus หรือ

(Carl Linnaeus) นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน โดยจัดวงศ์พืชชนิดนี้ไว้เมื่อปี ค.ศ. 1753 (พ.ศ. 2296)

มีแหล่งกำเนิดบริเวณเส้นศูนย์สูตร เช่น โคลัมเบีย เม็กซิโก (ทวีปอเมริกา) ตอนกลางของทวีปแอฟริกา

และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

            ซาติวามีลำต้นหนา ความสูงโปร่งเมื่อเติบโตเต็มที่ประมาณ 6 เมตร ใบยาว เรียว สีเขียวอ่อน

(เมื่อเทียบกับอินดิกา) และมีดอกมีการเว้นระยะห่างกันพอสมควร เนื่องจากมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศร้อนชื้นเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเชื้อรา ระยะเวลาการเติบโตพร้อมเก็บเกี่ยว 9-16 สัปดาห์ ชอบแดดและ อากาศร้อน ถิ่นกำเนิดในภูมิประเทศร้อนชื้น บริเวณศูนย์สูตรตั้งแต่ 30 องศาเหนือ ถึง 30 องศาใต้

ซาติวามีสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ที่ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท (Psychoactive) สูงกว่าอินดิกา

อินดิกา (Cannabis Indica)

           ผู้ค้นพบสายพันธุ์นี้คือ ณอง-แบ๊บติสท์ ลามาร์ค (Jean-Baptiste Lamarck) ทหารนักชีววิทยา ชาวฝรั่งเศส

ผู้ตั้งชื่อและตีพิมพ์ความรู้เรื่องกัญชาสายพันธุ์นี้ในปี ค.ศ. 1785 (พ.ศ. 2328)

กัญชาสายพันธุ์อินดิกาได้ชื่อตามแหล่งกำเนิดที่ค้นพบในอินเดียและบริเวณตะวันออกกลาง

อินดิกามีลำต้นพุ่มเตี้ย ความสูงเมื่อเติมโตเต็มที่ประมาณ 180 เซนติเมตร ใบกว้าง สั้น สีเขียวเข้ม (เมื่อเทียบกับซาติวา) และมีดอกติดกันเป็นช่อ เนื่องจากมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพหนาว และแห้ง 

กิ่งก้านดกหนา ระยะเวลาการเติมโตพร้อมเก็บเกี่ยว 6-8 สัปดาห์ ชอบที่ร่มและอากาศเย็น

ถิ่นกำเนิดในภูมิประเทศเขตหนาวเย็น ห่างจากเส้นศูนย์สูตรออกไปบริเวณ 30-50 องศาเหนือ และ 30-50 องศาใต้

อินดิกามีสาร CBD (Cannabidiol) ซึ่งออกฤทธิ์ระงับประสาท (Sedative) ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย

ลดอาการปวดเรื้อรัง

รูเดอราดิส (Cannabis Ruderalis)

            ผู้ตีพิมพ์เรื่องราวกัญชาสายพันธุ์นี้คนแรก คือ นักพฤกษศาสตร์ชาวรัสเซีย ดี.อี.จานิสเชสกี้ (D.E. Janischewsky) เมื่อปี ค.ศ. 1924 (พ.ศ. 2467) กัญชาสายพันธุ์รูเดอราลิสมีแหล่งกำเนิดบริเวณตอนกลางและตะวันออกของทวีปยุโรป

รูเดอราลิส มีลำต้นเตี้ยที่สุดในบรรดา 3 สายพันธุ์ ต้นมีลักษณะเล็ก และสามารถออกดอกได้เร็ว เนื่องจากมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศหนาวเย็น และมีแสงแดดเกือบทั้งวัน ดูคล้ายวัชพืชใบกว้างมี 3 แฉก เติบโตเร็ว อยู่ได้ทั้งอากาศร้อนและเย็น ปริมาณสาร THC น้อย (เมื่อเทียบกับสองสายพันธุ์แรก) แต่มี CBD สูง มักนำไปผสมข้ามสายพันธุ์ (hybrid) กับซาติวา และอินดิกา เพื่อให้ได้คุณสมบัติทางยา​ ถิ่นกำเนิดในภูมิประเทศเขตหนาวเย็น และมีแสงสว่างตลอดทั้งวันในทุกฤดูกาล อยู่ใกล้ขั้วโลกบริเวณ 50 องศาเหนือขึ้นไปและ 50 องศาใต้ลงมา

(ข้อมูลจาก : เว็บไซส์กัญชาทางการแพทย์)

ความแตกต่างของ กัญชา และ กัญชง.jpg

กัญชากับสมองและระบบประสาทส่วนกลาง

Central Nervous System (Brain and Spinal cord)

THC (Delta-9-tetrahydrocannabinol)

ที เฮส ซี (เดลต้า-9-เท็ทราไฮโดรแคนนาบินอล)

1.  ทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม มึนเมา
2. ชะลอการส่งสัญญาณของสมองที่มากเกินไป ทำให้การสื่อสารของสมองลดการถูกรบกวนซึ่งเป็นสาเหตุของความเครียด ก่อให้เกิดความคิดที่โลดแล่น (Creative)
3. ช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์ประสาท (Neurogenesis) ซึ่งอาจเป็นการรักษาหรือ
บรรเทาโรค อัลไซเมอร์**
4. ลดการอักเสบของระบบประสาท (Reduce Neuroinflammation) ลดอาการบาดเจ็บหรือการอักเสบในสมอง
5. ลดอาการปวดในสมอง (Analgesic)
6. ลดอุณหภูมิร่างกาย (Hypothalamus)
7. ลดความทรงจำระยะสั้นที่ไม่จำเป็นออก ซึ่งในบางครั้งก็อาจจะทำให้เป็นคนขี้หลงขี้ลืมได้ แต่ในทางกลับกันก็สามารถช่วยผู้ป่วยที่มีความเครียดและซึมเศร้าจากภาพความสะเทือนใจในอดีตอย่างเช่นการรักษาโรค PTSD ที่เป็นมากในทหารที่ผ่านสงครามที่โหดร้าย

brain.jpeg
brain.jpeg

CBD (Cannabidiol)

ซี บี ดี (แคนนาบินอล)

1.  ลดอาการทางจิตประสาทของ THC
2. ป้องกันการสูญเสียของความจำระยะสั้นจาก THC
3. ป้องกันอาการจิตเสื่อม โรคประสาท ลดความเป็นไปได้ในการพัฒนาโรคทางจิตที่มาจากการใช้ THC (กัญชา)
4. ลดอาการวิตกกังวล
5. ลดอาการคลื่นใส้อาเจียน
6. อาจช่วยรักษาโรคจิตเภท (Schizophrenia)
7. ป้องกันโรคนอนไม่หลับ (Anti-Insomnia)
8. ลดอาการชักกระตุกจากโรคปลอกประสาทเสื่อม (Multiple Sclerosis)

THC & CBD

1. ป้องกันการย่อยสลายของระบบประสาท ช่วยอาการของโรคปลอกประสาทเสื่อม หรือที่เรียกว่า (Multiple Sclerosis)
2. กระตุ้นความอยากอาหาร สามารถช่วยผู้ป่วยเอดส์และมะเร็ง ป้องกันภาวะน้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว
3. ช่วยโรคซึมเศร้า, โรคอารมณ์สองขั้ว, สมาธิสั้น
4. ช่วยลดอาการสั่นที่เกิดจากโรคพาร์กินสัน (Parkinson) ช่วยสมองผลิต Dopamine และลดอาการของโรค
5. ปกป้องสมองจาก โรคหลอดเลือดในสมองตีบ ตัน แตก หรือ ฉีกขาด (Stroke) และเพิ่มการตอบสนองจากสมองในบริเวณที่ประสบปัญหาจาก stoke**

ผลเสีย

1. อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการโรคจิตเภทสำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงเช่น จิตใจอ่อนแอ และพันธุกรรม
2. หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะชลอการทำงานของสมองและทำให้สมองหยุดสร้างสารเคมีที่ทำให้รู้สึกดีและทำให้รู้สึกหงุดหงิดง่ายเวลาไม่ได้ใช้
3. ถ้าได้รับในปริมาณมากเกินไปจะทำลายเซลล์สมอง
4. มีผลต่อการพัฒนาในด้านลบของสมองที่ยังเจริญเติมโตไม่เต็มที่กัญชาจึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อการพัฒนาสมองของเยาวชน

male_female.jpeg

กัญชาเพศผู้และเพศเมีย (Male or Female)

นักปลูกส่วนใหญ่นั้นมีความต้องการที่จะปลูกกัญชาเพศเมียที่ปราศจากการผสมเกสร เนื่องจากเพศเมียที่ปราศจากการผสมเกสรนั้นดอกจะมีความเข้มข้นของสาร THC สูงกว่าดอกที่ได้รับการผสมเกสร หรือเรียกได้ว่าเมากว่านั่นเอง การระบุเพศของกัญชาได้แต่เนิ่นๆ และถูกต้องนั้นจะช่วยให้เราแยกเพศผู้ที่พร้อมจะกระจายเกสรและลดผลผลิตของคุณได้อย่างทันท่วงที

ความรู้เกี่ยวกับเพศของกัญชา โดยเฉพาะเมื่อไหร่ที่คุณจะสามารถระบุเพศของกัญชาของคุณได้

กัญชาเพศผู้หรือเพศเมีย การระบุเพศของต้นกัญชานั้นอาจจะต้องรอจนกว่าถึงช่วงก่อนทำดอก หรือประมาณ 4-6 สัปดาห์ ของช่วงทำใบ

ช่วงทำใบต้น จะเริ่มแสดงเพศออกมาให้เห็นในบริเวณข้อต่อของกิ่งที่ยื่นออกมา โดยปกติแล้วจะสามารถสังเกตเห็นการพัฒนาได้จากบริเวณคู่กิ่งที่ 4 หรือ 5 จากยอดลำต้น ถ้าหากว่าช่วงนี้คุณยังรู้สึกไม่แน่ใจว่าต้นกัญชาของคุณนั้นเพศอะไร ให้รอจนเข้าสัปดาห์ที่สองของการทำดอก

เกร็ดความรู้ : นักปลูกส่วนใหญ่จะประสบปัญหาการแยกเพศของต้นกัญชาในช่วงก่อนทำดอก ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาไม่ต้องตกใจ ให้รอจนเข้าสัปดาห์ที่สองของการทำดอก จนกว่าต้นจะแสดงเพศให้เห็นได้อย่างชัดเจน ทำไมการระบุเพศของกัญชานั้นจึงสำคัญ การระบุเพศกัญชาได้นั้นช่วยให้คุณสามารถแยกแยะได้ว่าต้นไหนที่จะสามารถผลิตดอกเพศเมียให้คุณได้ลิ้มรส หรือว่าต้นไหนที่จะผลิตเกสรเพศผู้ออกมาเพื่อนำไปขยายสายพันธุ์ได้ หรือแม้กระทั่งทราบว่าต้นไหนเป็นกระเทย ถ้าหากว่าคุณกำลังพยายามที่จะปลูกต้นกัญชาเพศเมียเพื่อดอกที่มีคุณภาพและไม่ผ่านการผสมเกสร สำหรับการสูบแล้ว การแยกเพศผู้และกระเทยออกจากห้องหรือพื้นที่ปลูกของคุณนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเพศผู้และกระเทยนั้นจะทำการกระจายเกสรเพื่อไปผสมกับดอกตัวเมียและทำให้ต้นเพศเมียนั้นจะผลิตเมล็ดแทนการผลิต THC

ถ้าหากว่าคุณไม่ได้สนใจในเรื่องของการผสม หรือขยายพันธุ์แล้วละก็ ให้ทำการลำลายต้นเพศผู้และกระเทยทิ้งทันที เพราะต้นเพศผู้จะไม่ผลิตดอกและมีค่า THC ที่ต่ำและถึงแม้ว่าต้นกระเทยนั้นจะทำดอกได้ แต่ดอกนั้นจะเต็มไปด้วยเมล็ดและไม่ได้คุณภาพ คุณสามารถเคลื่อนย้ายต้นตัวผู้ออกจากห้องปลูกของคุณได้อย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ต้นตัวเมียได้รับเกสรโดยการนำถุงพลาสติกมาคลุมไว้ขณะเคลื่อนย้าย

แต่ถ้าหากคุณต้องการที่จะผสมหรือผลิตเมล็ด ให้ทำการแยกต้นตัวผู้ออกมาและรอจนกว่าต้นจะโตเต็มที่แล้วจึงค่อยนำกลับเข้าไปหาต้นตัวเมียใหม่เมื่อต้นพร้อม ความแตกต่างของเพศผู้ เพศเมียและกระเทย คุณสามารถสังเกตเพศเมียได้จากการดูที่เม็ดกลมๆ เล็กๆบริเวณข้อต่อระหว่างก้านใบและของลำต้น เม็ดกลมๆเล็กๆนี้ (เคลิกซ์ หรือฐานรองดอก) จะผลิตเส้นขาวๆเล็กๆคล้ายๆเส้นผมออกมาในลักษณะคล้ายตัววี อาจจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์หลังจากที่ปรับการให้แสงไฟเป็น 12/12 ก่อนที่ต้นจะเริ่มทำดอก

ถ้าหากคุณยังไม่เห็นขนสีขาวๆงอกออกมาก็อย่าเพิ่งใจร้อนโยนต้นกัญชาของคุณทิ้งไปซะก่อนล่ะ การแยกต้นตัวเมียออกจากเพศผู้และกะเทยจะทำให้คุณได้ดอกกัญชาที่ปราศจากการผสมเกสรซึ่งจะทำให้ดอกนั้นมีคุณภาพดูดแล้วเมาดีและเป็นที่ต้องการ คุณสามารถเพิ่มโอกาสการได้เพศเมียโดยการเพิ่มระดับของไนโตรเจนและควบคุมระดับของโพแทสเซียมให้ต่ำไว้ ควบคู่ไปกับการใช้ไฟที่มีช่วงแสงสีน้ำเงินและควบคุมอุณหภูมิภายในบริเวณที่ปลูกไว้ให้ต่ำในช่วงสองสัปดาห์แรกของการทำใบ ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้เพศเมีย แต่ไม่ได้รับประกันว่าจะได้เพศเมียเสมอไป

เมื่อได้รับสารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์ แบบโปร THC และโปร CBD เข้าสู่สมองและร่างกาย

1.) THC จะทำให้มีอาการง่วงซึม ถ้าได้รับในขณะที่ร่างกายมีอาการอักเสบอยู่ภายใน ตามปริมาณที่เหมาะสม จะทำให้หลับนาน / ยาวขึ้น

2.) CBD ทำให้ระบบประสาท สมอง ตื่นตัว

3.) THC และ CBD ช่วยระงับการส่งสัญญาณที่สับสน

ผ่าน "นิวรอน" และเซลล์สัมพันธ์อื่นๆ... ลดคลื่นรบกวนลดความเครียด สามารถช่วยเพิ่มสมาธิในการใช้ความคิดการทำงาน และสภาวะนอนไม่หลับ

4.) THC และ CBD ช่วยกระตุ้นให้ผลิตเซลล์ประสาทขึ้นใหม่ (Neurogenesis) ฟื้นเส้นเลือดฝอย (Angiogenesis) สามารถใช้ในการป้องกัน และชะลอกระบวนการของโรค ดังนั้นมีผลในการรักษาโรคความจำเสื่อมได้

5.) THC และ CBD ช่วยลดการอักเสบของระบบประสาท (Neuroinflammation) ลดอาการบาดเจ็บและการอักเสบ

1.) THC จะทำให้มีอาการง่วงซึม ถ้าได้รับในขณะที่ร่างกายมีอาการอักเสบอยู่ภายใน ตามปริมาณที่เหมาะสม จะทำให้หลับนาน / ยาวขึ้น

2.) CBD ทำให้ระบบประสาท สมอง ตื่นตัว

3.) THC และ CBD ช่วยระงับการส่งสัญญาณที่สับสน

ผ่าน "นิวรอน" และเซลล์สัมพันธ์อื่นๆ... ลดคลื่นรบกวนลดความเครียด สามารถช่วยเพิ่มสมาธิในการใช้ความคิดการทำงาน และสภาวะนอนไม่หลับ

4.) THC และ CBD ช่วยกระตุ้นให้ผลิตเซลล์ประสาทขึ้นใหม่ (Neurogenesis) ฟื้นเส้นเลือดฝอย (Angiogenesis) สามารถใช้ในการป้องกัน และชะลอกระบวนการของโรค ดังนั้นมีผลในการรักษาโรคความจำเสื่อมได้

5.) THC และ CBD ช่วยลดการอักเสบของระบบประสาท (Neuroinflammation) ลดอาการบาดเจ็บและการอักเสบ

6.) THC และ CBD ช่วยลดอาการปวดที่เกิดขึ้น ของโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท (Neuropathic Pain และที่ไม่ใช่ Non-Neuropathic Pain)

7.) CBD และ THC ช่วยปรับอุณภูมิร่างกาย ลดความดัน ลดน้ำตาล ในร่างกายได้

8.) CBD และ THC ช่วยแยกแยะ ลบความจำที่เกิดจากความทุกข์ ความเศร้า ความวิตกกังวลในชีวิต ซึ่งอาจทำให้มีผลกระทบต่อการทำงานของสมอง กัญชาสามารถช่วยผู้ป่วยให้พ้นจากภาวะความเครียด หรือภาวะโรคซึมเศร้าอย่างเช่น โรคภาวะผิดปกติทางจิตใจจากเหตุการณ์รุนแรง (Post-Traumatic Stress Disorder) ที่เป็นกันมากในผู้ป่วยที่ผ่านช่วงชีวิตที่โหดร้ายทารุณสำหรับตนเอง ลดความวิตกกังวล การคลื่นไส้อาเจียน ปฎิเสธอาหาร

9.) THC และ CBD คือสารที่กระตุ้นให้ระบบ Endocannabinoids ช่วยทำงานซ่อมสร้างตนเองตามธรรมชาติ

10.) THC และ CBD มีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ (Anti-inflammation และ Pro-Resolving Mediators) ข่วยรักษาอาการอักเสบในระบบเส้นเลือด กล้ามเนื้อ หรืออวัยวะต่างๆในร่างกาย

11.) CBD ช่วยรักษาโรคจิตเภท (Schizophrenia) ไบโพลาร์ การติดเหล้า เฮโรอีน บุหรี่ และการติดกัญชาที่เกิดจากการใช้แบบสัมทนาการ โดยมีโปร THC หรือ THC เดี่ยวในปริมาณสูง โดยที่มีรหัสพันธุกรรมจำเพาะ

12.) CBD และ THC ลดอาการเกร็งที่เกิดจากความผิดปกติของสมองและไขสันหลัง ไม่จำกัดเฉพาะโรคปลอกและแกนประสาทอักเสบ (Multiple Sclerosis)

13.) THC และ CBD ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร ได้ผลดีในผู้ป่วยเอดส์และมะเร็ง ช่วยให้เจริญอาหาร และเพิ่มคุณภาพชีวิต

14.) ปรับความสมดุลในระบบภูมิคุ้มกันโรคทุกระบบ

เพศของกัญชา

          กัญชาเป็นพืชที่มีเพศแยกต่างต้นกัน หมายความว่ากัญชาจะให้ดอกเพศผู้และเพศเมียอยู่คนละต้น การกล่าวถึงการมีเพศแยกต่างต้นของกัญชาประกฏในหนังสือฉีหมินเหยาซู่ (Qimin Yaoshu) ซึ่งเป็นบทความทางการเกษตรฉบับสมบูรณ์ที่เก่าแก่ที่สุดได้รับการเก็บรักษาไว้ในช่วง    คริสตศักราช 544 ซึ่งได้รับการอ้างยอมรับว่าเป็นงานที่เกี่ยวกับพืชสายพันธุ์ใหม่ชิ้นคลาสสิก และยังได้รับการอ้างถึงโดยดาร์วินอีกด้วย การมีเพศแยกต่างต้นพบได้ในพืชชนิดอื่นๆ เช่น ฮอลลี แปะก๊วย อินทผลัม หน่อไม้ฝรั่ง และผักโขม ในทางตรงข้าม พืชดอกส่วนใหญ่จะมีอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศผู้และเพศเมียในต้นเดียวกัน การพัฒนากลไกที่มุ่งลดการผสมพันธุ์ในต้นเดียวกันและการผสมเกสรด้วยตนเองนั้น กัญชาอาจมีวิวัฒนาการให้มีสองเพศในต้นเดียว เพื่อส่งเสริมความหลากหลายทางพันธุกรรมในวงกว้างยิ่งขึ้น มีการบ่งชี้เครื่องหมายโมเลกุลทางพันธุกรรมสำหรับเพศในต้นกัญชา เพื่อให้สามารถระบุเพศของต้นกัญชาได้ก่อนที่จะมองเห็นร่องรอยใดๆ

          กัญชาเป็นเพศฤดูเดียว ซึ่งหมายความว่าเป็นพืชที่มีวงชีวิตครบภายในหนึ่งปี เมล็ดกัญชาส่วนใหญ่จะงอกในสามถึงเจ็ดวันหลังการปลูก ในช่วงสามเดือนแรกของวัฏจักรชีวิตต้นกัญชาจะผ่านระยะการเจริญเติบโตทางต้นและใบอย่างรวดเร็ว ผลิใบเพื่อให้มีการสังเคราะห์แสงที่เหมาะสมที่สุด หลังจากระยะการเจริญเติบโตทางต้นและใบ เวลากลางคืนที่ยาวนานขึ้นหลังจากวันครีษมายันจะเป็นตัวกระตุ้นวงรอบการออกดอกของกัญชาทั้งในต้นกัญชาตัวเมียและตัวผู้ กระบวนการออกดอกที่ตอบสนองต่อค่ำคืนที่ยาวนานขึ้นนี้เรียกว่า "การตอบสนองต่อช่วงแสง" และถูกค้นพบครั้งแรกโดยทัวร์นัว (Tournois) ในปี 1912 จากการศึกษาเกี่ยวกับฮอปและกัญชงของเขา ภายหลังนักวิทยาศาสตร์ได้เรียนรู้ว่าโปรตีนรับแสงที่สร้างขึ้นโดยพืชรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของวัน การออกดอกของกัญชาต้องการเวลากลางคืนที่ยาวนาน 10 ถึง 12 ชั่วโมง แตกต่างกันไปตามละติจูด ต้นกัญชาที่ออกดอกแตกใบน้อยลง (ใบขนาดเล็ก) เนื่องจากพืชเปลี่ยนทรัพยากรในการเผาผลาญไปที่การสืบพันธุ์ ต้นกัญชาตัวเมียทั่วไปจะออกดอกขนาดเล็กๆ หลายร้อยดอก ดอกเหล่านี้กระจุกตัวอยู่ที่ปลายยอดของต้นกัญชาเป็นก้อนขนาดใหญ่ ที่ในภาษาสเปนเรียกว่า "โคล่า" (Cola) โดยโคล่าของกัญชาตัวเมียที่ปลูกใต้แสงอาทิตย์อาจมีความสูงได้เกิน 4 ฟุต (1.2 เมตร) ณ เวลาเก็ยเกี่ยว ในส่วนของทรัพยากรเชิงลึกที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับการเพาะปลูกกัญชา ขอแนะนำอย่างยิ่งให้อ่านสารานุกรมกัญชา (The Cannabis Encyclopedia) โดย จอร์จ ฟาน แพตเตน (George Van Patten) (เขียนในชื่อ ฮอร์เฮ เซอร์วานเตส / Jorge Cervantes)

Image by Jose Luis Sanchez Pereyra
Image by Chinese Hemp

อ้างอิงจาก :
▹ วิกิพีเดีย ; กัญชา 
▹ กัญชาทางการแพทย์, สายพันธุ์กัญชา ; https://www.medcannabis.go.th/

bottom of page