top of page
ค้นหา

เรื่องจริงของกัญชาใบหญ้าที่ต้องห้าม

พืชชนิดหนึ่งที่รับรู้กันดีว่าเป็นสิ่งเสพติดให้โทษจากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์ รวมทั้งจากในทีวีและสื่อทั้งหลายว่าพืชนี้น่ะไม่ดี เป็นสิ่งเสพติดที่ผิดกฎหมาย นี่คืออีกหลายๆ แง่มุมของกัญชาใบหญ้าต้องห้าม ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนและจะไม่ได้รู้จากสื่อทั่วไป


ที่มา : https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_332263

กัญชาไม่ใช่ยาที่เสพแล้วติด


กัญชาต่างกับยาเสพติดชนิดอื่น เพราะไม่ว่าคุณจะสูบหรือกินติดต่อกันนานแค่ไหนก็ตาม คุณจะไม่ลงแดงจากอาการอยากยาแม้ว่าคุณจะเลิกเสพมันอย่างกะทันหัน เพราะกัญชามันคือพืชจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีใดๆ ที่ทำให้ร่างกายเกิดอาการอยากยาทั้งทางร่างกายและจิตใจ ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับบุหรี่ที่รู้กันดีว่าเลิกได้ยากเย็นสุดติ่ง จนหลายคนเลิกไม่ได้ต้องสูบไปตลอดชีวิต


"เหตุผลก็คือในบุหรี่ มีการเติมส่วนผสมถึง 599 ชนิด มันจะกลายสภาพเป็นสารพิษและสารก่อมะเร็งเมื่อถูกเผาไหม้ ยกตัวอย่างเช่นแอมโมเนีย หนึ่งในส่วนประกอบของบุหรี่ที่เป็นสารพิษส่วนประโยชน์ (ต่อผู้ผลิต) ก็เพื่อเร่งให้สารนิโคตินในยาสูบวิ่งเข้าสมองเร็วขึ้น ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการติดบุหรี่ได้มากขึ้นถึง 100 เท่า"

กัญชาไม่ได้ทำลายสมอง


จากการวิจัยของ UCSD (University of California at San Diego) ได้ทำการเปรียบเทียบการทำงานของสมองของผู้ที่เสพกัญชาเป็นประจำ 704 คน กับผู้ที่ไม่ได้เสพ 484 คน พบว่ากัญชาส่งผลกระทบต่อความสามารถต่างๆของผู้เสพ เช่น การใช้เวลาในการตอบสนองต่อสิ่งรอบข้าง คือไม่ได้กลายเป็นคนอืดอาดเชื่องช้า, ยังใช้ความตั้งใจในสิ่งต่างๆได้ดี, ความสามารถในการให้เหตุผลก็ยังทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงความสามารถในการขับขี่พาหนะก็ไม่ลดลงเช่นกัน ต่างกันเมาเหล้าแล้วขับที่เสี่ยงทั้งชีวิตตัวเองและชีวิตคนอื่น

เหล้า บุหรี่ อันตรายกว่ากัญชา


การที่รัฐบาลจะกำหนดว่าอะไรถูกหรือผิดกฎหมาย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความห่วงใยในสุขภาพของประชาชน เพราะทั้งเหล้าและบุหรี่ที่รัฐบาลอนุญาตให้ขายและเสพได้อย่างเสรีนั้นก็เป็นที่รู้กันว่าเป็นสาเหตุให้คนตายปีละเกือบแสนคน ทั้งโรคมะเร็งปอดที่คร่าชีวิตคนเป็นอันดับต้นๆ ที่มีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ และยังก่อให้เกิดความซวยได้ถ้ารับควันมือสองเข้าไปนิโคตินที่ถูกเผาไหม้มันไม่ได้เข้าปอดคนสูบคนเดียว แต่ไอ้ที่ถูกพ่นและลอยในอากาศมันก็ทำร้ายคนข้างๆ ที่สูดดมควันเข้าไปด้วยเหมือนกัน ส่วนเหล้านี่ก็เป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งตับ และมะเร็งเต้านมที่ฆ่าผู้หญิงเป็นอันดับที่ 3 แถมเหล้าก็เป็นน้ำเปลี่ยนนิสัยที่หลายครั้งก่อให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาท แล้วไม่ใช่แค่ฆ่าคนเมาด้วยกันเอง แต่แอลกอฮอล์ยังถือเป็นการฆ่าตัวตายผ่อนส่งไม่ต่างจากบุหรี่ เพราะทั้งนิโคตินและแอลกอฮอล์ล้วนเป็นพิษต่อร่างกายและสมองแถมทำให้เมาค้างตอนเช้าซึ่งคุณจะไม่พบอาการแฮ้งโอเว่อร์นี้ในกัญชา และเชื่อหรือไม่ว่าในประวัติศาสตร์โลก "ยังไม่เคยมีใครตาย หรือเป็นมะเร็งจากการเสพกัญชาเลยแม้แต่คนเดียว"


กัญชาไม่ได้ทำให้ขี้เกียจ


ว่ากันว่ากัญชาทำให้คนสูบขี้เกียจ ไม่มีวันเจริญ ซึ่งข้อนี้มันก็อาจจะจริง หรือไม่จริงก็ได้ มันขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยและความรับผิดชอบของตัวเองและใช้มันในทางสร้างสรรค์ เพราะฉะนั้นก็หยุดโทษใบไม้ว่ามันทำให้ขี้เกียจหรือขาดแรงจูงใจในชีวิตกันซะ นี่คือตัวอย่างบางส่วนของคนดังที่ประสบความสำเร็จในชีวิตที่สูบกัญชา


Michael Phelps นักว่ายน้ำฉายาฉลามหนุ่มผู้กวาดเหรียญทองได้เป็นประวัติศาสตร์โลก ก็เพิ่งเป็นข่าวครึกโครมใหญ่โตเมื่อมีภาพเขากำลังสูบกัญชาบ้องใหญ่ แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือกัญชา ไม่ได้ทำให้ปอดของนักว่ายน้ำผู้นี้อ่อนแอลงเลยสักนิดอย่างแน่นอน


Bob Marley พูดถึงกัญชาแล้วจะขาดคนนี้ไปได้ยังไงกับ Bob Marley สุดยอดนักร้องเร็กเก้ อมตะตลอดกาล แม้ตัวตายไปแล้วแต่เสียงเพลงของเขายังคลาสสิกไปทั่วโลก จารึกไว้ในฐานะนักร้องผู้ซึ่งชื่อชอบกัญชาและลัทธิรัสตาฟาเรียนนิสม์ (Rastafarianism) ลัทธิที่นับถือกัญชาว่าเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เป็นสื่อกลางเพื่อเข้าถึงจิตวิญญาณ บ๊อบ มีลูกชายเท่ๆ อีก 5 คน ที่โตโดยเจริญรอยตามพ่อบ๊อบเป็นศิลปินเร็กเก้กันหมด สิ่งนี้อาจพอพิสูจน์ได้อย่างหนึ่งว่าพ่อที่สูบกัญชาไม่ได้แปลว่าต้องเป็นขี้ยา หรือที่น่ารังเกียจของครอบครัว เพราะบ๊อบเป็นคุณพ่อตัวอย่างและเป็นที่รัก สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ลูกๆได้ไม่แพ้ใครเหมือนกัน

 
อ้างอิงจาก : หนังสือ "กัญชายาวิเศษ" เรียบเรียงโดย : สมยศ ศุภกิจไพบูลย์ (หน้า 67 - 72)
ดู 4 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page