งานวิจัยชิ้นใหม่ของมหาวิทยาลัย Stanford ภาควิชาเภสัชกรรม พบว่าจุดเริ่มต้นของการเกิดอัลไซเมอร์นั้น มาจากการปิดกั้นการหลั่งสาร Endocannabinoids ซึ่งเป็นสารที่สมองผลิตขึ้นโดยธรรมชาติเพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย สร้างความทรงจำ ลดอาการเจ็บปวด และเป็นสารชนิดเดียวกันกับที่อยู่ในกัญชา
ในสมองเราจะมีก้อนโปรตีนที่ชื่อว่า Beta-amyloid ซึ่งทราบกันมานานแล้วว่าเป็นสาเหตุของ
โรคอัลไซเมอร์ เพราะว่า Beta-amyloid จะแทรกแซงสัญญาณหน่วยความจำในสมอง แต่ไม่เคยทราบว่าจะแก้ไขอย่างไร
จนในที่สุดทีมงานวิจัยทำการติดตามการทำงานของ Beta-amyloid โดยการทดลองตรวจสอบจากสมองของหนูทดลอง พบว่า Beta-amyloid นั้นมีผลทางอ้อมต่อการสร้างความบกพร่องของหน่วยความจำ โดยการไปรบกวนการทำงานของ Endocannabinoids ทำให้กลไกสมองขาดสมดุล และนั่นคือเหตุเริ่มต้นของ
โรคอัลไซเมอร์
Dr.Daniel Madison หัวหน้าทีมวิจัย กล่าวว่า
Cannabinoids ในกัญชา อาจเป็นโกาสใหม่ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ในระยะเริ่มต้นก่อนที่จะลุกลามได้
การหลั่ง Endocannabinoids โดยธรรมชาติในสมองนั้นเป็นการเกิดเพียงแค่ชั่วคราว และเกิดขึ้นเมื่อมีปัจจัยกระตุ้น แต่สารประกอบหลักในกัญชา คือ THC นั้นมีผลยาวนานกว่ามาก จึงมีโอกาสที่จะใช้ THC ในการสร้าง Cannabinoids ในสมอง เมื่อรักษาอาการเริ่มต้นของอัลไซเมอร์ได้
- Dr.Daniel กล่าว
ในระยะ 2 - 3 ปีให้หลังมานี้ มีงานวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของกัญชาในการรักษาโรคออกมามากมาย
แล้วเราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในวงการแพทย์ต่อไปในอนาคต
ขนาดยากัญชาที่เหมาะสม และข้อสรุปจากงานวิจัย
การใช้กัญชาในปัจจุบันแพร่หลายมากขึ้น เพราะการเข้าถึงข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะเมื่อมีการเผยแพร่ประสบการณ์การใช้กัญชารักษาโรคมะเร็ง โดยเฉพาะเมื่อมีการเผยแพร่ประสบการณ์การใช้กัญชารักษาโรคมะเร็ง โดย Mr. Rick Simpson วิศวกรชาวแคนนาดา ทำเป็นคลิปวิดีโอเผยแพร่ทาง Youtube ชื่อเรื่อง Run from the cure.
Rick Simpson แนะนำขนาดยาในการรักษาโรคมะเร็งดังนี้ ให้เริ่มใช้ RSO ครั้งละครึ่งเม็ดข้าวสาร
ทาเหงือก หรืออมใต้ลิ้น วันละ 3 ครั้ง ค่อยๆเพิ่มขนาดเป็น 2 เท่า ทุก 4 วัน จนได้ขนาดรวมวันละ 1 กรัม
กินไปจนครบ 60 กรัม ในช่วงเวลา 3 เดือน หลังจากนั้น กินวันละ 1 หยดก่อนนอน ไปเรื่อยๆ ให้ได้ขนาดยารวม เดือนละ 1 กรัม แต่ถ้าเคยได้รับยาเคมีบำบัด หรือฉายแสงมาก่อน ควรกินให้ได้รวม 180 กรัม อย่างไรก็ตามยังไม่มีงานวิจัยพิสูจน์ประสิทธิภาพของการรักษาดังกล่าวอย่างเป็นทางการ
ยาจากกัญชา มีความแตกต่างจากยาแผนปัจจุบันอื่นๆอย่างมาก ไม่สามารถกำหนดขนาดการใช้ได้อย่างตายตัว ต้องปรับให้เหมาะกับแต่ละคน
หลักการสำคัญ คือ "เริ่มทีละน้อย แล้วค่อยๆ เพิ่มขนาดจนควบคุมอาการเจ็บป่วยได้ (Titration)"
ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของกัญชาที่เหมาะสม มี 3 ประการ ได้แก่
ชนิดของยากัญชาที่ใช้ รวมถึงยากัญชาจากพืชสกัดหรือไม่สกัด สายพันธุ์ ความเข้มข้นของยาสกัด วิธีใช้แบบสูบแบบพ่น แบบหยอดใต้ลิ้น แบบกิน แบบสวนทวาร แบบทาภายนอก หรือการผสมผสานหลายวิธี ยากัญชา 2 ชนิด ที่มีขนาดของ THC เท่ากัน แต่ถ้ามีส่วนผสมของ Terpenes ที่แตกต่างกันก็ให้ผลลัพธ์ในการรักษาแตกต่างกัน
โรคที่ผู้ป่วยเป็น รวมถึงระยะของโรค ระดับความรุนแรง การรักษาแบบอื่นๆที่ได้รับ และโรคร่วมอื่นๆ
การตอบสนองต่อยากัญชาของแต่ละคน รวมถึงระดับ Endocannabinoid เดิมในร่างกาย (หรือเรียกว่า Endocannabinoid Tone) และการดื้อยาเมื่อใช้ไปนานๆ
จากการทบทวนวรรณกรรมงานวิจัยต่างๆ ที่ตีพิมพ์โดย นพ.ภาสิน เหมะจุฑา และ
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา นำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาการใช้ประโยชน์จากกัญชาของกระทรวงสาธารณสุข ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับขนาดยาจากกัญชา ที่เหมาะสม ดังนี้ (ตารางที่ 1 และ 2)
ตารางที่ 1 อาการ หรือโรคที่หลักฐานงานวิจัยหนักแน่นว่าใช้กัญชารักษาได้ดี
ตารางที่ 2 อาการ หรือโรคที่หลักฐานงานวิจัยอยู่บ้าง ว่าใช้กัญชารักษาได้ดี
คำแนะนำการใช้กัญชาของประเทศอิสราเอล
ประเทศอิสราเอลเป็นผู้นำด้านการวิจัยทางการแพทย์ จัดตั้งองค์กรที่ดูแลเรื่องกัญชาโดยเฉพาะขึ้นมา คือ Israel Medical Cannabis Agency (IMCA) เมื่อปี ค.ศ. 2011 อนุญาตให้บริษัทเอกชน 6 บริษัท ผลิตกัญชาคุณภาพดีจำหน่าย (Medical Grade) มีกัญชาสายพันธุ์ต่างๆ ที่มีความเข้มข้นของ THC และ CBD แตกต่างกัน แบ่งเป็นกลุ่มที่มี THC เด่น (มีขนาด THC 10, 15 และ 20%) กลุ่มที่มี CBD เด่น (มีขนาด CBD 10, 15, 20, 24%)
IMCA ออกคำแนะนำสำหรับแพทย์ล่าสุด เมื่อปี ค.ศ. 2017 เรื่องการใช้กัญชาสำหรับโรคและอาการต่างๆ ดังนี้ (ตารางที่ 3)
ตารางที่ 3 คำแนะนำเรื่อง ขนาดยากัญชา โดย Israel Medical Cannabis Agency (IMCA)
Comments